เฟร็ด มิดฟิลด์ดาวเตะบราซิเลียนของ ชัคตาร์ โดเนทส์ค ในตอนนี้ตกเป็นข่าวอย่างหนักกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเจ้าตัวขอ โฟกัสบอลโลกที่รัสเซีย ก่อนค่อยมีการอัพเดทข่าวให้ฟัง ทั้งนี้จากข่าวลือที่ออกมาหนาหูว่าเจ้าตัวกำลังย้ายทัพขอยังไม่เปิดเผยสาเหตุ เนื่องอยากพุ่งเป้าไปที่บอลโลกมากกว่า
ห้องเครื่องวัย 25 ปี เผยอยากให้ความสำคัญกับการรับใช้ชาติในเวิลด์คัพ 2018 ก่อนเป็นอันดับแรกยังไม่คิดถึงเรื่องการย้ายไปอยู่กับปีศาจแดงแต่อย่างใด ตามการรายงานสื่อชั้นนำสกายสปอร์ต การเจรจาระหว่างสองสโมสรคืบหน้าไปมากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมตัวเต็งที่จะได้ตัวกองกลางดาวรุ่งรายนี้ไปครอง หลังต้องแย่งชิงกับคู่ปรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ให้ความสนใจเช่นกันโดยเลือกเปลี่ยนเป้าหมายไปล่าตัว จอร์จินโญ กองกลางของนาโปลีแทน การเจรจาดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งสองทีมเริ่มทำการตกลงกัน แต่ด้านเจ้าตัวนั้นไม่เปิดเผยข้อมูลอต่อย่างใดให้เอเยนต์เป็นคนจัดการแทน กิลแบร์โต้ อดีตผู้เล่น อาร์เซน่อล เป็นเอเย่นต์ตัวแทนของ เฟร็ต กำลังเดินทามาอังกฤษเพื่อเปิดแถลงข่าวการเจรจากับปีศาจแดง ท้ายที่สุดแล้วดีลจบลงด้วยดีแต่ยังต้องติดตามความคืบหน้าอีกรอบ
ทั้งนี้ความน่าสนใจนักเตะรายนี้ กองกลางที่ถนัดเท้าซ้าย ฤดูกาลนี้เขาทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะโดน โรม่า ขยี้ตกรอบไปหลัง เห็นฟอร์มรอบแบ่งกลุ่มแล้วทั้งสองทีมดังต่างให้ความสนใจและเป็นปีสาจแดงที่บรรลุข้อตกลงนี้ไป
ประตูบอลที่สวยที่สุด ในพรีเมียร์ลีก
หากพูดถึงผลการแข่งขันนัดล่าสุดที่ผ่านมาแล้วคงจะได้ดูกันมาบ้างสำหรับ ประตูบอลที่สวยที่สุด ในการแข่งขันของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พบ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017-2018 ผลบอลคืนวันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2560 รับชมออนไลน์ beIN SPORTS 1 , PPTV HD
ไฮไลท์ของการแข่งวันนั้นไม่ใช่เพียงแค่ผลบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่ม เอฟเวอร์ตัน 4-0 เพียงเท่านั้น หาดแต่ยังมีประเด็นที่น่าสนใจคือลูกเตะของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย แบ็กดาวรุ่งชาวเอกวาดอร์คนสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รางวัล คาร์ลิ่ง โกล์ ออฟ เดอะ มันธ ฤดูกาล 2017-18 หรือลูกเตะที่สวยที่สุดประจำเดือน กันยายน ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษไปครอบครอง หลังจากที่รัยชมการแข่งขันดังกล่าวปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลูกยิงเข้าตุงตาข่ายของเขานั้นสวยงามจริงๆ ประตูสุดสวยดังกล่าวเกิดขึ้นในจังหวะที่ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ได้รับบอลที่เปิดมาจาก เนมานย่า มาติช ก่อนที่เจ้าตัวจะซัดเต็มแรงด้วยเท้าขวาผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวาร ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เข้ากรอบไปอย่างสวยงาม ผลบอลแมนฯยู ชนะ เอฟเวอร์ตัน ขาดลอย 4-0 ด้านหลังได้รับประกาศรางวัลนี้ เจ้าตัวเผยความรู้สึกดีใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเรารู้สึกตื้นเต้นที่ได้รับรางวัล คาร์ลิ่ง โกล์ ออฟ เดอะ มันธ นี้พร้อมทั้งของคุณแฟนบอลทุกท่านที่ร่วมโหวดครั้งนี้ด้วย ผมรู้สึกภาคภูมิใจมากที่ซัดลูกนี้เข้าตาข่ายได้ มันเป็นลูกที่สวยงามหลังจากนั้นเสียงแฟนบอลทั้งสนามต่างเฮกันลั่นมันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุด ทำให้ทีมคว้าแต้มมาครองได้สำเร็จ
อำลาบอลโลก ครั้งสุดท้าย
เป็นประจำทุก 4 ปี ที่เราจะได้ติดตามการแข่งขันใหญ่ระดับโลกศึกแห่งศักดิ์ศรี พร้อมการ อำลาบอลโลก ครั้งสุดท้ายของนักเตะบางรายที่เชื่อว่าพวกเขาล้วนแต่เคยสร้างสรรค์ผลงานบนสนามแห่งให้จนเป็นที่น่าจดจำ แต่ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นเลยต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักเตะรุ่นต่อไปได้แสดงฝีมือ http://bike2work-day.com
ทั้งนี้เรายังได้ติดตามพวกเขาได้ในบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย มาดูกันว่าจะเป็นใครบ้างที่ได้ลงเล่นเป็นครั้งสุดท้าย ลูกา โมดริช กองกลางของเรอัล มาดริด เป็นเหมือนกัวใจหลักของทีมโครเอเชียเลยก็ว่าได้ เรื่องของฝีมือความเก๋าคอยลงช่วยในเกมรุกมาตลอดตั้งแต่บอลโลก 2006 และปี 2014 แม้ทั้งสองครั้งทีมโครเอเชียจะไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอ้าท์ได้ แต่ครั้งนี้เป้าหมายของเขาจะพยายามทำให้ได้ ติอาโก ซิลวา แนวรับจอมเก๋าปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นหนึ่งผู้มทีรายชื่อติดทีมชาติชุดบอลโลก 2014 และด้วยวัย 33 ปี นี้มันถึงเวลาที่เขาจะต้องวางมือหลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจที่รัสเซีย
อันเดรส อิเนียสต้า หนึ่งตำนานทีมชาติสเปนลงเล่นไปแล้ว 126 นัด หลังจากอำลาทัพบาร์เซโลน่า ในเกมนัดสุดท้ายลาลีก้า และในฟุตบอลโลกที่รัสเซียคงจะเป็นหนสุดท้ายที่เราจะได้เห็นเขาในรายการนี้ เซร์คิโอ รามอส กองหลังเรอัล มาดริด ผ่านฟุตบอลโลกมาแล้วสามสมัยเป็นกำลังหลักทีมชาติสเปนมาโดยตลอดลงเล่นเคียงข้างปีเก้ ในแนวรับพร้อมด้วยวัย 32 ปี ควรถึงแก่เวลาที่จะลงเล่นบอลโลกเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
ฟุตบอลเอฟเอคัพ 2017/18
การแข่งขัน ฟุตบอลเอฟเอคัพ อังกฤษ 2017/18 รอบรองชนะเลิศ ระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจอกับ สเปอร์ส ณ สนามเวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม คืนวันเสาร์ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ช่วงเวลา 23.15 คู่สุดมันส์เพื่อแย่งชิงตั๋วเข้ารอบต่อไปโดยทั้งสองทีมต่างเตรียมดาวเตะลงแข่งขันอย่างจัดเต็ม
สามประสานแนวรุกแมนยู ฟากกุนซือใหญ่โซเซ่ มูรินโญ่ เตรียมจัดทัพวางแกนหลักนำโดยอเล็กซิส ซานเชส, โรเมลู ลูกากู และ พอล ป็อกบา ทางด้านสเปอร์ไม่น้องหน้ากุนซือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จัดแกนหลักนำโดย แฮร์รี่ เคน สวมปลอกแขนกัปตันทีม พร้อมด้วย ซน ฮึง-มิน , เดเล่ อัลลี่ และ คริสเตียน เอริคเซ่น แม้ต้นเกมไก่เดือยทองได้บุกขึ้นนำไปอย่างรวดเร็วก่อน 0-1 จากนั้นแมนยูกลับมาแก้เกมยุกอย่างหนักจนตีเสมอได้จากลูกโหม่ง อเล็กซิส ซานเซซ นาที 24 ก่อนที่ช่วงครึ่งหลังแมนยูมาบวกสกอร์เพิ่มได้นาที 64 ทิ้งห่าง 2-1 แม้สเปอร์จะพยายามตีเสมอแต่ไม่สามารถเจาะตาข่ายแมนยูได้ทำให้จบลงด้วย แมนยู ชนะ สเปอร์ 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศต่อไป เกมนี้เป็นการกลับมากอบกู้ชื่อเสียมทีมอีกครั้งหลังมูรินโญ่ พาทีมแพ้เวสต์บรอม
เมื่อสัปดาห์ก่อนเขาวางแผนปรับทีมและใช้ผู้เล่นในเกมบอร์นมัธ ซึ่งผลมันออกมาชัดเจนการนำผู้เล่นระดับท็อปมาเจอในเกมใหญ่ช่วยให้การตัดสินใจของเขาประสบความสำเร็จ ผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นลูกหม้อจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พวกเขาเหล่านั้นยังคงแสดงศักยภาพที่ดีในแนวรับเกมนี้
แชมป์บอลอย่างทางการ
ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อย แชมป์บอลอย่างทางการ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงเป็นทีมไหนไปไม่ได้นอกจาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นการันตีตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาล 2017/18 หลังแมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด รองจ่าฝูงพลาดท่าให้กับ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน 0-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เหลืออีก 5 เกมลงแข่งขันก่อนจบซีซั่นนี้เพราะฉะนั้น “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังมีดอกาสสร้างสถิติอื่นในรายการนี้เพิ่มเติมก่อนที่บอลฤดูกาลนี้จะปิดฉากลงทั้งนี้ลองย้อนดูสถิติที่ผ่านมาของทีมนี้กันก่อน การเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของเชลซี ปีก่อนโซเซ มูรินโญ่ สมัยคุมสิงห์เก็บสถิติไปได้ 95 แต้ม
เป็นสถิติสูงสุดถึงปัจจุบัน แต่มันอาจถูกลบล้างด้วยเป็ป กวาร์ดิโอล่า หลังคุมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บแต้มไป 87 ขาดอีกเพียง 9 แต้มเท่านั้น มีความเป็นไปได้สูงอีก 5 นัดที่เหลือสถิตินี้จะถูกทำลายลง อย่าทีมไม่แล่นเอื่อยกันเกินไปเสียก่อน อีกหนึ่งสถิติรอการทำลายอันโตนิโอ คอนเต้ โค้ชชาวอิตาเลียนวัย 48 ปี พา “สิงห์บลูส์” เชลซีเก็บชัยได้ถึง 30 นัด เมื่อฤดูกาลที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป ตอนนี้เก็บชัยไปแล้วถึง 28 นัด และเมื่อดูจาก 5 เกมที่เหลือ มีเกมในบ้านถึง 3 นัด เท่ากับว่าสถิตินี้ของ เชลซี น่าจะถูกทำลายลงไม่ยาก เมื่อ 13 ปีกาอนสิงห์บลู ครองสถิติเก็บชัยเกมเยือนได้มากที่สุด 15 นัด ส่วนเรือใบสีฟ้า ฤดูกาลนี้เก็บชัยนอกบ้านไปแล้ว 14 นัด ตอนนี้เหลือเกมเยือนอีก 2 นัดถ้าสามารถเอาชนะได้จะทำลายสถิตินี้ทันที
